วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อุปกรณ์ ขั้นตอนการเข้าหัวสาย UTP


การต่ออุปกรณ์ด้วยสาย LAN'สาย LAN,สายตรง,สายครอส'


ทราบกันหรือไม่ว่าระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ กับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นรับ-ส่งข้อมูลกันได้อย่างไร ใช่แล้ว ใช้สายเชื่อมต่อ บทความนี้จะมาเล่าถึงการใช้สายในการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ สองเครื่องเข้าในระบบเน็ตเวิร์ค การเตรียมสายในการเชื่อมต่อ สายที่ใช้งาน ว่ามีอะไรบ้าง ไปดูรายละเอียดกันเลย
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ Computer และอุปกรณ์เครือข่าย (Hub, Switch และ Router) ด้วยสาย LAN นั้น (ในยุกต์ที่อุปกรณ์ยังไม่มีระบบ Auto Cross / Auto Cross คืออะไร มีอธิบายครับ) เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเราควรจะใช้สายตรงหรือสายครอสในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อะไรกับอุปกรณ์อะไร (มีในข้อสอบ CCNA ครับ) ซึ่งมีวิธีจำแบบง่ายๆ ที่หลายๆ คนใช้อยู่ (แต่มีจุดที่ต้องระวัง) คือ

  • อุปกรณ์เหมือนกัน ต่อกันใช้สาย LAN แบบครอส (Crossover Cable)
  • อุปกรณ์ต่างกัน ต่อกันใช้สาย LAN แบบตรง (Straight-Through Cable)
ซึ่งเป็นวิธีจำที่ใช้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งหลายคนจะเหมารวมว่า "งั้นแสดงว่า Computer ต่อ Router ก็ต้องเป็นสายตรงซิเพราะเป็นอุปกรณ์คนละชนิดกัน" แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ Computer ต่อ Router ต้องเป็นสายครอสครับ ซึ่งจากรูปข้างล่าง เป็นรูปที่แสดงถึงการใช้สายครอสกับสายตรง เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เครือข่ายอย่างถูกต้องครับ (ใช้อ้างอิงในการสอบ CCNA ได้นะครับ)

การเข้าหัว LAN สำหรับการทำสายครอส (Crossover Cable)การเข้า LAN สำหรับการทำสายครอสนี้สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ฝั่งหนึ่งเข้าหัวตามมาตรฐาน TIA/EIA 568A และอีกฝั่งหนึ่งเข้าหัวตามมาตรฐาน TIA/EIA 568B ดังรูปข้างล่างครับ

หรือเจาะลึกลงไปอีกหน่อยคือ
- Pin 1 เข้า Pin 3 ของอีกฝั่ง
- Pin 2 เข้า Pin 6 ของอีกฝั่ง
- Pin 3 เข้า Pin 1 ของอีกฝั่ง
- Pin 6 เข้า Pin 2 ของอีกฝั่ง



หากไม่เข้าหัว LAN ตามมาตรฐานจะได้ไหม?
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาในช่วงแรกๆ ของการเข้าวงการ ผมเคยเข้าหัว LAN แบบตามใจฉัน คือ ถ้าเป็นสายตรง ก็เข้าหัวให้ทั้งสองฝั่งเหมือนๆ กันก็พอ และถ้าเป็นสายครอส ก็เข้าหัวแบบ 1 เข้า 3 และ 2 เข้า 6 อะไรประมาณนี้
ผลคือ ใช้งานได้ครับ แต่....
หลังจากที่ผมเสียบสาย LAN ดังกล่าวเข้า Interface LAN แบบ 100 M ทั้งสองฝั่ง ผลคือ ผมใช้ได้แค่ 10 M ครับ โดย Card LAN ทำการปรับตัวเองให้กลายเป็น 10 M อย่างอัตโนมัติ (ผลมันแสดงออกบน Windows เลยครับว่าให้ใช้ได้แค่ 10 M)
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?เราลองมาสังเกตที่สาย LAN กันสักหน่อยครับ จะเห็นได้ว่าสาย LAN จะมีสายทองแดงข้างในทั้งหมด 8 เส้น แบ่งเป็น 4 คู่ โดยแต่ละคู่จะมีการพันกันเป็นเกลียว (มันจึงชื่อว่า Twisted Pair ครับ) และที่สายแต่ละคู่จำเป็นต้องพันกันเป็นเกลียวนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้สนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสสัญญาณมากวนกันเองครับ (พันกันเป็นเกลี่ยวเพื่อให้สนามแม่เหล็กหักล้างกันเอง ไม่มากวนกันเอง) ดังนั้นหากเราไม่เข้าหัว LAN ตามมาตรฐานแล้ว การหักล้างกันของสนามแม่เหล็กอาจจะไม่สมบูรณ์ กลายเป็นสัญญาณที่มารบกวนกันเอง ทำให้เกิด loss ภายในสาย และท้ายสุด Card LAN จำเป็นต้องปรับ speed ลงจาก 100 M ให้เป็น 10 M อย่างอัตโนมัติ เพื่อให้เรายังคงสมารถใช้งานได้ครับ



สาย CAT หรือ สาย UTP

สาย CAT หรือ สาย UTP
สาย UTP แบ่งออกเป็นหลายชนิด และรู้จักกันในรูปแบบสาย CAT1 (Category 1) CAT2, CAT3 CAT4 หรือ CAT5 สายแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่นิยมใช้กันขณะนี้เป็น CAT3 ขึ้น ไป
- CAT3 เป็นสาย UTP แบบ 100 โอห์ม ใช้ในระบบเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์ และระบบสื่อสารข้อมูลโดยกำหนดส่งสัญญาณได้จนถึง 16 เมกะเฮิรตซ์ สายชนิดนี้ ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์โดยกำหนดไว้ใช้สำหรับสายเชื่อมโยงในแนวราบ
- CAT4 เป็นสาย UTP แบบ 100 โอห์ม ใช้เชื่อมโยงฮาร์ดแวร์และระบบสื่อสารข้อมูล โดยกำหนดส่งสัญญาณได้จนถึง 20 เมกะเฮิรตซ์
- CAT5 เป็นสายที่มีการพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารข้อมูล สายชนิดนี้ใช้ส่งข้อมูลได้จนถึง 100 เมกะเฮิรตซ์
ปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่สนับสนุนความเร็วระดับกิกะบิต (Gigabit) สาย UTP ได้พัฒนาตามไป โดยผลิตสายแบบ CAT5e ซึ่งสนับสนุนความเร็วที่ระดับกิกะบิตได้ และยังนำมาใช้แทนสาย CAT5 อย่างไม่มีปัญหา
ความคิดเห็น
คุณไม่มีมีสิทธิ์เพิ่มความคิดเห็น